อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ที่ทำ IF คีโตและกินคลีน

Optifast, ออปติฟาสท์, อาหารการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก, ลดน้ำหนัก, ลดไขมัน, ลดความอ้วน

 

ปัจจุบัน มีทางเลือกของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือลดความอ้วนอยู่หลากหลายวิธี ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในปัจจุบันมี 3 แบบหลักๆ คือ

  1. การอดอาหารเป็นช่วง (Intermittent Fasting: IF) ช่วยควบคุมแคลอรี่ได้ง่ายขึ้น และได้รับสารอาหารครบถ้วนในระหว่างลดน้ำหนัก
  2. ทานอาหารคีโตเจนิค (Ketogenic Diet)  อาหารที่มีไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำมาก เป็นวิธีลดน้ำหนักที่สะดวก ควบคุมสัดส่วนสารอาหารได้ง่าย
  3. ทานอาหารคลีน (Clean Eating) เน้นธัญพืช ไขมันต่ำ การลดน้ำหนักวิธีนี้ ร่างกายจะยังคงได้รับสารอาหารครบถ้วน แต่พลังงานจากอาหารลดลง

แต่ไม่ว่าจะเลือกการลดน้ำหนัก หรือลดความอ้วนด้วยรูปแบบใด มักพบว่าในบางมื้อก็ไม่ได้มีเวลาหรือไม่ได้สะดวกที่จะเตรียมอาหารที่คิดว่าจะช่วยลดน้ำหนักได้ ทำให้การลดน้ำหนักวิธีนั้นไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การลดความอ้วนไม่ได้ผลตามที่ต้องการ  

อาจจะพิจารณาเลือกรับประทานอาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก ที่มีการคำนวนค่าพลังงานต่อการทานแล้ว ซึ่งอาจจะมีหลายรูปแบบ รวมถึงรูปแบบผงร่วมกับวิธีคุมอาหาร ลดน้ำหนัก ที่เลือกใช้อยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็น IF, คีโต หรือกินคลีน 

Optifast, ออปติฟาสท์, อาหารการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก, ลดน้ำหนัก, ลดไขมัน, ลดความอ้วน

 

4 ข้อดีของการใช้อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักร่วมกับวิธีลดน้ำหนักอื่นๆ

  1. ช่วยควบคุมปริมาณแคลอรีและสารอาหารได้แม่นยำ เพราะระบุปริมาณแคลอรีและสารอาหารไว้อย่างชัดเจนบนซอง หรือบนบรรจุภัณฑ์
  2. สะดวก ประหยัดเวลาในการเตรียมอาหาร 
  3. ลดความเสี่ยงจากการขาดสารอาหาร เพราะมีสารอาหารหลากหลาย
  4. เพิ่มความยืดหยุ่นในการวางแผนมื้ออาหาร โดยสามารถทานทดแทนมื้ออาหารได้

 

Optifast, ออปติฟาสท์, อาหารการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก, ลดน้ำหนัก, ลดไขมัน, ลดความอ้วน

 

3 สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อใช้อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก

  1. ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนเริ่มโปรแกรม
  2. เลือกอาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เหมาะสมกับวิธีการลดน้ำหนักที่เลือก
  3. ติดตามผลการลดน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอและปรับแผนตามความเหมาะสม

 

อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแต่มีความกังวล โดยช่วยตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการได้รับสารอาหารครบถ้วน ความปลอดภัย และการป้องกันการโยโย่ อย่างไรก็ตาม การใช้อาหารทางการแพทย์ควรเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคในระยะยาว และควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด